ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ แนน สาธิดา

ชอบเสียงนักร้องคนนี้มากกก เสียงหวานมาก เพราะมาก ฟังแล้วซึ้งมากกกก
ที่สำคัญ ประกอบละครเรื่องที่ชอบ เลือดมังกร ตอนเสือ อิอิ




สุขใดจะเสมอ เท่าฉันมีเธอ เป็นคู่ดวงใจ
เคลียคลอ อยู่ทุกวันไป เหมือนทิวาคู่ราตรี
ดั่งแผ่นน้ำ คู่ฟ้า ไปตลอดปี
รักมั่นภักดี เหมือนปลารักท้องนทีธาร

หากชีวิตของฉัน ถ้าแม้นขาดเธอ คงหมดจิตใจ
คงครวญพร่ำหวนอาลัย เหมือนคนที่ไร้วิญญาณ
เธอได้ฟัง ฟังฉันรำพันกล่าวขาน
จงได้สงสาร เห็นใจในรักที่ภักดี

สุขใดจะเสมอเท่า ฉันมีเธอเป็น คู่ดวงใจ
เคลียคลอ อยู่ทุกวันไป เหมือนทิวาคู่ราตรี
ดั่ง แผ่นน้ำ คู่ฟ้า ไปตลอดปี
รักเธอ เท่าชีวี ดั่งปลารักน้ำ นิรันดร   

ยิ่งรัก ยิ่งห่าง



เหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่เจอ
ทำให้เธอและฉันดูเหมือนยิ่งรักยิ่งห่าง
เหตุใดความรักที่พร้อมทุกอย่าง
บางสิ่งกลับดูขาดหาย สุดท้ายก็หาไม่เจอ

เป็นเพราะเราต่างกัน
บนสวรรค์บันดาลให้ฉันและเธอต้องจาก
อยากให้เธอรู้เอาไว้อย่าง

ฉันจะมีแต่เธอในใจเสมอ
ความทรงจำดีดีจะคงเหมือนเดิม
อย่างน้อยได้รู้ว่ารักเธอมากแค่ไหน
ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจที่ได้รักเธอ

คำว่ารักเพียงพอหรือเปล่า
หรือต้องมากกว่านี้หรือฉันมีไม่พอ
เป็นเพราะเราต่างกัน
บนสวรรค์บันดาลให้ฉันและเธอต้องจาก
อยากให้เธอรู้เอาไว้อย่าง

ฉันจะมีแต่เธอในใจเสมอ
ความทรงจำดีดีจะคงเหมือนเดิม
อย่างน้อยได้รู้ว่ารักเธอมากแค่ไหน
ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจที่ได้รักเธอ

ฉันจะมีแต่เธอในใจเสมอ
ความทรงจำดีดีจะคงเหมือนเดิม
อย่างน้อยได้รู้ว่ารักเธอมากแค่ไหน
ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจ
ที่ฉันจะมีแต่เธอในใจเสมอ
ความทรงจำดีดีจะคงเหมือนเดิม
อย่างน้อยได้รู้ว่ารักเธอมากแค่ไหน
ฉันไม่เคยเลยไม่เคยเสียใจที่ได้รักเธอ

Hotto Bun หลัง มช

โพสนี้มาเขียนรีวิวร้านของกินย้อนหลัง จริงๆกลับเชียงใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว แต่พอกลับมาก็ยุ่งมากจนไม่ได้มาเขียนสักที
กลับบ้านครั้งนี้ไปลองร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดมาค่ะ ชื่อร้านฮอตโตะบัน ตั้งอยู่หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทางเข้าคือซอยร้านกาแฟโสด เข้าไปประมาณ 500 เมตร ร้านอยู่ทางขวามือค่ะ หาไม่ยากเลย เป็นร้านเล็กๆไม่น่าจะถึง 10 โต๊ะ เน้นกินแล้วไป ไม่แนะนำให้นั่งแช่นะคะ เพราะร้านเล็กและมีคนเข้าตลอดจริงๆ ข้อเสียคือเรื่องที่จอดรถค่ะ ถ้าเอารถยนต์ไปนี่ค่อนข้างหาที่จอดลำบากเลย เพราะทางร้านมีแต่ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ หากจะจอดก็น่าจะต้องได้จอดไกลแล้วเดินเอา ซึ่งในสภาพอากาศแบบนี้มันเป็นอะไรที่ทรมานมากจริงๆ 
ส่วนเมนูของร้านนี่ก็เล็กตามขนาดร้านค่ะ เป็นเมนูหน้าเดียว มีเบอร์เกอร์หมู ไก่ แล้วก็ปลา สามารถสั่งแยกเป็นชิ้นเดี่ยวๆได้ หรือถ้าสั่งเป็นเซตจะมีเฟรนช์ฟรายส์และชาเย็นๆชื่นใจมาให้ด้วย จุดเด่นของเค้าอยู่ที่ขนมปังค่ะ ขนมปังนุ่มอร่อย แถมเลือกได้ด้วยนะคะว่าจะเอาขนมปังขาวธรรมดาหรือขนมปังโฮลวีต ถ้าเลือกโฮลวีตก็เพิ่มอีก 10 บาทค่ะ สนนราคาแบบเป็นเซตอยู่ที่ราวๆ 150 กว่าบาท วันที่เราไปเราจัดบันปลาแบบเป็นเซตมา 1 เซต บอกเลยค่ะว่าไม่อิ่ม กินแบบพอกรุบกริบ หลังจากนั้นเราเลยไปต่อบะหมี่หมูแดง 5555
ถ้าใครไปเชียงใหม่ลองไปชิมกันดูนะคะ โดยรวมถือว่ารสชาติโอเคเลยค่ะ :)








ผิดสัญญา

เป็นเพลงที่เจ็บปวดมากเลย





แล้วก็ต้องเลิกกัน 
จบที่เคยฝันไว้
เมื่อความจริงฉันมีแค่เพียงหัวใจ
หลอกตัวเองว่าคงดีพอ 
ให้เธอฝากชีวิตไว้
แต่ที่สุดแล้วมันช่างดูเลือนราง

ฝันไปได้ยืดยาว แต่ไม่เคยถึงไหน
บอกตรงตรง ขอโทษจริงจริง เสียใจ
กับถ้อยคำสัญญาดีดี จะดูแลเธอจนตาย
ยิ่งตอกยิ่งย้ำ ให้ฉันควรไปจากเธอ

แค่คำว่ารักที่พูดอยู่ได้มันคงไม่พอ
และฉันก็ไม่อาจรอ ให้เราเดินไปถึงวัน
ที่เกินจะเปลี่ยน จนช้ำไปมากกว่านี้
ที่ฉันมีให้เธอได้แค่คำว่าลา 
อย่าทิ้งชีวิตเอาไว้บนทางที่ฝืนเต็มที 
ทำให้ไม่ได้ ขอโทษที่ผิดสัญญา

รักได้แค่ลมปาก อย่างลมลมแล้งแล้ง
ดีแต่ทำให้เธอต้องเสียเวลา 
มีแต่ใจเพ้อไปวันวัน จะดีอะไรนักหนา
หากยิ่งอยู่รักเธอ ยิ่งเห็นแก่ตัว

โปรดอภัยให้คนที่ผิด สัญญา

Civil War (Spoiled)

ไปดูมาแล้ววววว Civil War ก่อนเข้าไปดูเป็นทีมโทนี่ พอดูจบเป็นทีมกัปตัน 5555




ก่อนดูลืมนึกไปว่านี่มันหนังเรื่องกัปตันอเมริกา ชื่อตอนซีวิลวอร์ ดังนั้นดูๆไปจึงไม่แปลกใจที่จะเป็นพวกกัปตัน 5555
แต่ที่ต้องพูดถึงเลยก็คือตัวเนื้อเรื่องวางไวแบบให้ป๋าโทนี่เทียบเท่ากัปตันเลยนะ จะเห็นได้ว่าช่วงต้นเรื่องโทนี่สร้างภาพโฮโลแกรมชีวิตของตัวเองในวัยหนุ่ม คืนก่อนหน้าที่พ่อแม่ของเขาจะประสบอุบัติเหตุตาย (โทนี่เข้าใจเช่นนั้น) แล้วปมขมวดเกลียวของเรื่องนี้ก็คือพ่อแม่ของโทนี่ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุตายจ้า แต่โดนบัคกี้หรือ winter soldier ฆ่าตายเพราะถูกองค์กรไฮดร้าล้างสมองและทำไปโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือกัปตันรู้เรื่องนี้มาตลอดแต่ไม่ยอมบอกโทนี่ สำหรับเราแล้วคิดว่าโทนี่คงรู้สึกเหมือนโดนหักหลังอ่ะ เพราะสำหรับเค้าแล้วกัปตันคือเพื่อน วาทกรรมทำเอาเจ็บมันจี๊ดสุดตรงที่กัปตันพูดว่า
"เขา (บัคกี้) เป็นเพื่อนผม"
แล้วโทนี่ก็พูดว่า
"ผมก็ 'เคย' เป็นเพื่อนคุณ" 
เอาซี้ !!!

เราว่าตัวหนังค่อนข้างให้ความสำคัญกับปมในใจของโทนี่ ความเจ็บปวดเรื่องชีวิตครอบครัว ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ความรู้สึกผิดที่เวลากู้โลกแต่ละครั้งก็ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตาย ตัวหนัง Iron Man เองในทุกภาคก็เล่นกับปมนี้เหมือนกัน
แต่ในส่วนนี้ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกัปตันนะคะ เค้ามีชุดความคิดอีกแบบหนึ่ง และเราเองก็คิดว่าตัวกัปตันก็เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแพ้กัน อย่าลืมว่ากัปตันคือเด็กขี้โรคผอมกะหร่องจากเมืองบรู้คลิน ยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงก็เพื่อหวังว่าตัวเองจะมีความสามารถมากพอในการช่วยเหลือส่วนรวมได้ ในแง่ของปณิธานแล้วต้องยอมรับว่ามันแรงกล้าจริงๆ สตีฟมีจิตใจของคนยุคเก่าเพราะเค้ามาจากโลกอดีต สายใยที่เชื่อมเค้าเอาไว้มีเพียงเพ็กกี้ที่พอเค้าออกจากช่องแช่แข็งมานางก็ชิ่งตายสะงั้น อีกคนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือบัคกี้ เพื่อนแท้วัยเด็กจากบ้านเกิดที่มุ่งมั่นมาเป็นทหารด้วยกัน อาจพูดได้ว่าเพ็กกี้และบัคกี้เป็นสายใยที่เชื่อมสตีฟเอาไว้กับโลกอดีตที่เค้าจากมา ลองคิดดูเล่นๆนะคะ ถูกแช่แข็งเอาไว้หลายสิบปี พอตื่นขึ้นมาความรู้สึกยังเหมือนว่าอดีตเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน แต่สภาพแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไป คนที่รู้จักตายไปกันหมด เหลืออยู่แค่ 2 คน แค่คิดก็เศร้าแล้วค่ะ

ส่วนบัคกี้ถ้าไม่พูดถึงคงไม่ได้ คนนี้เราชอบตั้งแต่ปรากฏตัวในหนังเมื่อแรกๆ คือเป็นความชอบที่มีความสงสารเป็นส่วนใหญ่ เรามองว่าบัคกี้เป็นเหยื่อเพราะถูกล้างสมองและใช้เป็นเครื่องมือ แถมความทรงจำก็ขาดๆหายๆอีก เจ้าตัวได้ปลีกตัวหนีไปอยู่อย่างสงบเพราะไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือฆ่าใครอีกหลังจากที่จำสตีฟได้ แต่ก็ยังไม่วายถูกวางแผนใส่ร้ายจนต้องกลับมาสู้อีก คิดดูเถอะค่ะว่าน่าเห็นใจขนาดไหน




อีกตัวละครที่ขอพูดถึงคือตัวร้ายของเราค่ะ ซีโม่ เราว่านายคนนี้ฉลาดและสอนบทเรียนสำคัญให้ทีมอเวนเจอร์ส์ ที่ว่าฉลาดเพราะนางวางแผนเอง เล่นเอง ทุกอย่างทำคนเดียวเลยจ้า one man show แบบไม่มีผู้ช่วยใดๆทั้งสิ้น แรงจูงใจคือต้องสูญเสียครอบครัวไปจากเหตุการณ์โซโคเวีย คิดดูว่าคนๆเดียวสามารถทำให้ทีมอเวนเจอร์ส์แตกคอกันได้ วาทกรรมที่ควรจำไว้เป็นบทเรียนจากซีโม่ก็คือประมาณว่า จักรวรรดิที่แข็งแกร่ง ต่อให้ล่มสลายเพราะศัตรูก็ยังสามารถกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้ แต่หากจักวรรดินั้นล่มสลายจากภายใน (เปรียบเทียบกับทีมอเวนเจอร์ส์ที่แตกคอกันเอง) นั่นคือการล่มสลายที่แท้จริง




อีกคนที่ขอพูดถึงสั้นๆคือ สก็อต แลง พ่อหนุ่ม Ant Man ของเรานั้นเอง คือด้วยความที่เจ้าตัวเป็นพวกนอกกฎหมายอยู่แล้วและเป็นแฟนคลับกัปตัน นางเลยจอยทีมกัปตันแบบไม่ลังเลเลยจ้าาาา แถมยังมาเป็นตัวสร้างความฮาอีก 5555

ส่วน 2 ตัวละครที่มาโผล่ในโปรเจ็คอเวนเจอร์ส์เป็นครั้งแรกก็คือแบล็กแพนเตอร์ หรือ ราชาทิชัลล่าแห่งประเทศวากันด้า อีกคนที่คุ้ยเคยกันดีคือหนุ่มน้อยสไปดี้ของเรานั่นเอง

มาพูดถึงแบล็คแพนเตอร์กันก่อน คนนี้ก็สวยงามตามท้องเรื่อง มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นราชา มีความเป็นพระเอก วาทกรรมแมนๆของ Your Highness ของสาวๆก็คือทุกคนถูกความแค้นกัดกร่อนหัวใจ ข้าจะไม่ยอมเป็นแบบนั้น ประมาณนี้ เรื่องของเรื่องก็คือพระองค์ตามฆ่าบัคคี้เพราะเข้าใจผิดว่าบัคกี้เป็นมือระเบิดที่วางระเบิดการประชุมยูเอ็นเพื่อเซ็นข้อตกลงโซโคเวียจนทำให้พระบิดาต้องตายนั่นเอง อ้อ อีกอย่างนึงที่ควรรู้ไว้คือคนนี้รวยที่สุดในจักรวาลมาร์เวลนะจ๊ะ รวยกว่าป๋าโทนี่อ่ะคิดดู อิอิ





ตัวละครลับตัวสุดท้ายของเราคือพ่อหนุ่มเอ๊าะใส ทอม ฮอลแลนด์ ที่มารับบทสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นหนุ่มน้อยสมัย 16 - 17 คือเราว่าโอเคเลยนะ มีความเป็นเด็ก มีความช่างจ้อ มีความตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่ง ตลกสุดตอนที่นางพูดว่า "ผมกำลังพยายามทำให้คุณโทนี่ประทับใจอยู่" 5555
ดูแล้วชวนให้รอภาคแยกของสไปเดอร์แมนที่มาร์เวลกำลังสร้างเลย ชื่อตอน Homecoming ยินดีต้อนรับกลับบ้านมาร์เวลหลังจากที่ถูกซื้อลิขสิทธิไปอยู่กับค่ายโซนี่ซะนาน อิอิ



อ้อ เกือบลืม เวอร์ชั่นนี้ป้าเมย์ของปีเตอร์แซ่บมากขอบอกกกก 





อัมพวาหน้ามรสุม

เครดิตตามภาพนะคะ ไม่ได้ถ่ายเองค่ะ ไม่มีฝีมือ 5555




เมื่อวันเสาร์สิ้นเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปอัมพวามาอีกแล้วค่ะ
ภารกิจเที่ยวครั้งนี้ขอบอกว่าเป็นอะไรที่เร่งด่วนและเฉพาะกิจมาก เนื่องมาจากเมื่อคืนวันศุกร์ก่อนหน้าได้มีโอกาสนัดเจอเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยหลังจากไม่เจอกันมาร่วมปี ตอนแรกนัดกันว่าจะไปหาของอร่อยๆกินกันแถววังหลัง แต่กว่าจะเลิกงานวังหลังก็น่าจะปิดไปกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว แผนของเราเลยเปลี่ยนไปเป็นที่ท่ามหาราชแทน
เราสามสาวขึ้นเรือข้ามฟากที่เอเชียทีค สนนราคาอยู่ที่ 19 บาทตลอดสายไปสุดแถวท่าน้ำนนท์ แต่เราลงกันที่ท่ามหาราช นี่เป็นครั้งแรกของเราที่ได้มาท่ามหาราชจากที่เคยเห็นรูปจากเพื่อนๆที่ไปถ่ายกันหลายคน ในรูปดูเหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเหล่าฮิปสเตอร์ไปหามุมถ่ายรูปฮิปๆชิคๆ แต่ความรู้สึกของเราที่ไปเห็นว่าเฉยๆมากค่ะ ส่วนชั้นบนที่ติดแม่น้ำจะเป็นโซนให้นั่งเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา อาจจะเพราะเราไปผิดเวลาก็ได้นะคะเลยรู้สึกเฉยๆ คือตอนเราไปถึงนี่ดึกแบบมืดแล้ว ถ้าได้ไปตอนเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกอาจจะรู้สึกอีกแบบก็ได้
ในบรรดาร้านต่างๆที่ท่ามหาราชจะเป็นร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงจะบอกว่าใหญ่ก็มีไม่กี่ร้านอยู่ดีในความรู้สึกเรา ร้านที่ว่ามีทั้งที่เป็นแบรนด์ใหญ่อย่างสตาร์บั๊คไปจนถึงร้านเล็กๆที่ไม่มีสาขา
เราสามคนไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆตรงทางเข้าโซนพระเครื่อง สนนราคาไม่แพงมาก ราคาส่วนใหญ่อยู่ที่ 89 บาทต่อชุด รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ หลังจากรับของตาวเสร็จเราก็ไปจัดของหวานกันต่อ ตามสโลแกนประจำกลุ่มเราที่ว่า "กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่" :p
ร้านของหวานที่เราไปก็เป็นร้านที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดีค่ะ After You นั่นเอง เราสั่งกันมา 2 อย่างคือบิงซูกับฮันนี่โทสต์ ในส่วนของฮันนี่โทสต์ไม่ขอพูดถึงมากเพราะของร้านนี้เค้าดังอยู่แล้ว แต่เมนูยอดฮิตมาใหม่อย่างบิงซูนี่ขอเม้าท์หน่อย คือมันอร่อยจริงนะคะ แต่ราคาแรงมากเมื่อเทียบกับปริมาณที่ได้ 285 บาทต่อถ้วยญี่ปุ่นเล็กๆ สำหรับเราคือรู้สึกว่ามันแพงเกินไปถึงรสชาติจะละมุนลิ้นเข้าท่าก็เถอะ แต่ (แต่อีกละ) ถ้าเทียบกับบิงซูร้าน Wake Up ที่เชียงใหม่ที่เคยพูดถึง เราว่า Wake Up อร่อยกว่านะ ถูกกว่าเป็นร้อยด้วย
เพราะนัดทานข้าวคืนวันศุกร์นี่แหละค่ะที่นำมาซึ่งทริปวันเสาร์ที่อัมพวา เรา 3 คนนัดเจอกันช่วงเที่ยงเพื่อออกเดินทาง one day trip ครั้งนี้ วางแผนไว้ดิบดีมากว่าจะพาเพื่อนไปไหว้พระที่วัดบางกุ้ง ต่อด้วยชมอุทยานร.2 ปิดท้ายแบบประทับใจด้วยการเดินเล่นหาของกินที่ตลาดอัมพวาพร้อมล่องเรือชมหิ่งห้อย
แต่ทีนี้เจ้าค่ะ ท้องฟ้าอากาศมืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าชนิดที่ว่าไม่เห็นแสงอาทิตย์ลอดลงมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเดือนคือร้อนมาก ร้อนนรกแตก ไม่เคยฟ้าครึ้มสักวันแต่ดันมาครึ้มเอาวันนี้ เป็นอันรู้กันค่ะว่าพายุฤดูร้อนมาแล้ว และจำเพาะเจาะจงว่าต้องมาวันนี้ด้วย -_-
ย้อนไปครั้งสุดท้ายที่ได้เที่ยวกับเพื่อนกลุ่มนี้คือไปแถวน้ำตกที่แม่ริม เชียงใหม่ วันนั้นก็ฝนตกเหมือนกัน หนักด้วย มาครั้งนี้เลยคิดในใจว่าจะเที่ยวด้วยกันทีไรต้องเจอฝนตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ยยยย
เราขับไปทางเส้นพระราม 2 อาศัยตาม google maps ไป ขอบอกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เปิดกูเกิ้ลเพราะพี่สาวเราก็ไปอัมพวาเหมือนกัน (แยกกันไป) ซึ่งนางไม่ได้ตั้งกูเกิ้ลไป นางขับไปเองโดยใช้ทางหลัก ใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงอัมพวาจย้าาาา ส่วนเราเหรอคะ กูเกิ้ลบอกให้เลี้ยวก็เลี้ยว บอกให้ไปตรงก็ไปตรง ผลคือไม่ต้องเผชิญรถติดมากมายและใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง อิอิ
ขับไปได้สักแถวพอร์ตโตชิโน ฟ้าก็อุ้มเมฆไม่อยู่แล้วค่ะ ฝนเทลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว อารมณ์ตอนนั้นคือกลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง 5555
ฝนตกหนักไปตลอดทางจนเราถึงวัดบางกุ้งตามแผนว่าจะเป็นจุดหมายแรกที่ไป อยากไปไหว้พระก่อนเป็นการเปิดทริปนั่นเอง แต่ช้าก่อน นอกจากฝนตกจะทำให้รถติดจนใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติแล้ว พอไปถึงที่หมายฝนยังไม่เลิกตกค่าาา เราสามคนต้องนั่งรอในรถให้ฝนซาอีกพักใหญ่เพราะลงไปไม่ได้จริงๆ เปียกแน่
กว่าจะไหว้ะระเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความก็ปาเข้าไปสี่โมงครึ่ง เรารีบไปต่อกันที่อุทยานร.2 ถึงประมาณ 5 โมงเย็น ไม่น่าเชื่อนะคะ เจอการจราจรหนาแน่นที่อัมพวา ไปมาหลายครั้งเพิ่งเคยเจอครั้งนี้เป็นครั้งแรก คงจริงอย่างที่มีคนพูดไว้ ที่ใดฝนตกที่นั่นรถติด เหมือนที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ 5555
ผลที่ได้คืออุทยานปิดแล้วค่ะ จากข้อมูลที่หามาบอกว่าปิด 5 โมงครึ่ง แต่ตอนเราไปถึง 5 โมงก็ปิดประตูทางเข้าแล้วค่ะ เหลือประตูให้ออกอย่างเดียว เป็นอันว่าแผนล่ม เราเลยมุ่งตรงไปตลาดเลย บอกก่อนนะคะว่าระหว่างนี้ฝนก็ยังคงตกอยู่เรื่อยๆ แต่เป็นแบบปรอยๆซึ่งเราบ่ยั่น ไปเดินตลาดทั้งๆที่ฝนปรอยนั่นแหละค่ะ ถือว่าที่ตลาดก็คนเยอะในระดับนึงนะคะ ไม่ถึงกับหนาแน่น ของส่วนใหญ่ที่ขายจะเป็นของกิน ซึ่งเราก็ลุยค่ะ เปิดจ็อบที่ก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 20 บาท แต่ขอบอกว่าผิดหวังมากกก เพราะมันไม่อร่อยเลย T-T เราสามคนเลยต้องหาอย่างอื่นล้างปากต่อไป 5555
สิ่งที่แนะนำให้ซื้อคือขนมถ้วยคุณยายค่ะ แกขายขนมถ้วยหน้ากะทิกับขนมใส่ไส้ แกจะนั่งอยู่ตรงหัวสะพานลงแม่น้ำช่วงกลางๆตลาด มีอยู่เจ้าเดียวค่ะ ถ้าเห็นเป็นคุณยายขายขนมถ้วยก็ใช่เลย ราคาขนมถ้วยอยู่ที่กล่องละ 20 บาท ได้เยอะอีกต่างหาก อันนี้แนะนำอย่างแรง อร่อยมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เราซื้อมา 2 กล่องซะเลย กินที่ตลาด 1 กลับบ้าน 1 อิอิ
อีกอย่างที่ต้องไปกินคือพวกอาหารทะเลย่างค่ะ เราซัดปลาหมึกย่างกับเพื่อนซะเปรมเลย พวกของย่างนี่วัดกันที่น้ำจิ้มค่ะ เราจัดไปหลายร้านอยู่นะ ใช้ได้เกือบทุกร้านเลย
พอจบทริปกินเติมพลังเราก็ปิดท้ายวันนี้ด้วยการล่องเรือชมหิ่งห้อยท่ามกลางสายฝนปรอยๆค่ะ ราคาอยู่ที่คนละ 60 บาท ก่อนลงเรือเราถามคนแถวนั้นว่าฝนปรอยแบบนี้จะมีหิ้งห้อยมั้ย เค้าบอกว่าฝนตกแบบนี้หิ่งห้อยจะออกมาบินเล่นหลบฝนใต้ใบไม้ค่ะ เราสามคนก็เชื่อตามนั้นเลยตัดสินใจซื้อทัวร์ ล่องเรือไปตามแม่น้ำแม่กลองพักใหญ่ทีเดียวค่ะกว่าจะเจอหิ่งห้อย แต่มีจริงอย่างที่เค้าบอกนะคะ ในระดับที่โอเคเลยด้วย ระหว่างล่องเรือก็อากาศดีมาก เย็นๆเพราะฝนตก เย็นจนหนาวเลยน่ะค่ะ
สรุปจบทริปวันนั้นได้ไม่ครบแผน ขาดอุทยาน ร.2 ไป แต่ถือว่าอิ่มใจที่ได้เจอเพื่อนค่ะ เพราะยิ่งโตขึ้นยิ่งหาเวลาเจอกันได้ยากมากจริงๆ ได้มาเจอกันแบบนี้จึงมีความสุขมากจริงๆค่ะ :)
 
Multiverse Blog Design by Ipietoon