โพสนี้ขอต่อจากที่แนะนำหนังสือปรัญาชีวิต หรือ The Prophet ของ คาลิล ยิบราน ไปเมื่อวาน
ขอเริ่มด้วยบทอันโด่งดังว่าด้วย 'ความรัก' บทนี้ถูกนำไปกล่าวถึงในภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ของ หม่อมหลวง พันธ์เทวนพ เทวกุล เมื่อไม่นานมานี้ คนพูดคือยุพดี พูดแก่ ส่างหม่อง เป็นนัยเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายทำตามหัวใจตัวเอง บทความภาษาอังกฤษนั้นมีความไพเราะเด็ดขาดอยู่แล้ว แต่บทแปลภาษาไทยที่ถอดความโดยอาจารย์ระวี ภาวิไล ก็เด็ดขาดไม่แพ้กัน ในที่นี้จะตัดนำมาเพียงบางส่วนบางตอนที่ชอบเท่านั้น
เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป
แม้ว่าทางของมันนั้นจะขรุขระและชันเพียงไร
และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน
แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะเสียดแทงเธอ
และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม
แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ
ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกราญไปฉะนั้น
เพราะแม้ขณะที่ความรักสวมมงกุฎให้เธอ
มันก็จะตรึงกางเขนเธอ
และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น
มันก็จะตัดรอนเธอด้วย
แม้ขณะเมื่อมันไต่ขึ้นไปสู่ยอดสูง
และลูบไล้กิ่งก้านอันแกว่งไกวในแสงอรุณ
แต่มันก็จะหยั่งลงสู่รากลึก
และเขย่าถอนตรงที่ยึดมั่นอยู่กับดินด้วย
ความรักจะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
แล้วมันจะร่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก
มันจะบดเธอจนเป็นผงขาวแล้วก็จะขยำจนเธออ่อนเปียก
แล้วมันก็จะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมัน
เพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า
ความรักจะกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แก่เธอ
เพื่อว่าเธอจะได้หยั่งรู้ความลับของดวงใจเธอเอง
และด้วยความรู้นั้นเธอก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของดวงใจแห่งชีวิตอมตะ
แต่ถ้าหากด้วยความกลัว
เธอมุ่งแต่แสวงหาความสงบสุขและความสำราญจากความรัก
ก็จะเป็นการดีกว่าที่เธอควรจะปกคลุมความเปลือยเปล่าของตน
และหลีกหนีออกไปเสียจากลานบด ไปสู่โลกอันไร้ฤดูกาล
ที่ซึ่งเธอจะหัวเราะก็ไม่เต็มที่และจะร้องไห้ก็ไม่เต็มที่
และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน
แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนั้นจะเสียดแทงเธอ
และเมื่อมันพูดกับเธอ จงเชื่อตาม
แม้ว่าเสียงของมันจะทำลายความฝันของเธอ
ดังลมเหนือพัดกระหน่ำสวนดอกไม้ให้แหลกราญไปฉะนั้น
เพราะแม้ขณะที่ความรักสวมมงกุฎให้เธอ
มันก็จะตรึงกางเขนเธอ
และขณะที่มันให้ความเติบโตแก่เธอนั้น
มันก็จะตัดรอนเธอด้วย
แม้ขณะเมื่อมันไต่ขึ้นไปสู่ยอดสูง
และลูบไล้กิ่งก้านอันแกว่งไกวในแสงอรุณ
แต่มันก็จะหยั่งลงสู่รากลึก
และเขย่าถอนตรงที่ยึดมั่นอยู่กับดินด้วย
ความรักจะรวบรวมเธอเข้าดังฝักข้าวโพด
มันจะแกะเธอออกจนเปลือยเปล่า
แล้วมันจะร่อนเพื่อให้เธอหลุดจากเปลือก
มันจะบดเธอจนเป็นผงขาวแล้วก็จะขยำจนเธออ่อนเปียก
แล้วมันก็จะนำเธอเข้าสู่ไฟอันศักดิ์สิทธิ์ของมัน
เพื่อว่าเธอจะได้กลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้า
ความรักจะกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แก่เธอ
เพื่อว่าเธอจะได้หยั่งรู้ความลับของดวงใจเธอเอง
และด้วยความรู้นั้นเธอก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของดวงใจแห่งชีวิตอมตะ
แต่ถ้าหากด้วยความกลัว
เธอมุ่งแต่แสวงหาความสงบสุขและความสำราญจากความรัก
ก็จะเป็นการดีกว่าที่เธอควรจะปกคลุมความเปลือยเปล่าของตน
และหลีกหนีออกไปเสียจากลานบด ไปสู่โลกอันไร้ฤดูกาล
ที่ซึ่งเธอจะหัวเราะก็ไม่เต็มที่และจะร้องไห้ก็ไม่เต็มที่
ความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเองความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเองความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นเพียงพอแล้วสำหรับตอบความรัก
ตัวหนาที่เน้นเอาไว้คือท่อนที่ชอบที่สุดของบทว่าด้วยความรักนี้ กล่าวว่าความรักนั้นต้องผ่านความเจ็บปวดทุกข์ทน หากไม่อยากทุกข์ก็ให้กันตัวเองออกจากความรักเสีย ไปอยู่ในสถานที่ๆคิดว่าปลอดภัย ที่ๆจะหัวเราะก็ไม่เต็มที่ จะร้องไห้ก็ไม่เต็มเสียง
สำหรับคนที่ผ่านความรักมาแล้ว อ่านมาถึงท่อนนี้ไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนเรารึเปล่า ว่าการหัวเราะเต็มที่และร้องไห้จนสุดเสียงนั้น แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ถ้าลองแล้วรู้แล้ว ก็'หลีกหนีออกไปเสียจากลานบด'เถอะค่ะ :)