เมื่อสองสามปีก่อนไปนั่งกินหมูกะทะหน้ามหาลัยกับเพื่อน เพื่อนคนหนึ่งพูดว่าปัญหาหมอกควันส่วนหนึ่งเกิดจากควันหมูกะทะ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งหมูกะทะ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ถ้าจริงก็น่าสงสัยว่าปัญหาหมอกควันมันมาหน้าร้อน แล้วหน้าร้อนใครที่ไหนกินหมูกะทะกันล่ะ -_-
ส่วนตัวจำไม่ได้เลยว่าไอ้ปัญหาหมอกควันนี่มันเริ่มมาเป็นตอนไหนเมื่อไหร่ เท่าที่จำได้ สมัยที่ยังเด็กไม่ได้มีปัญหานี้ เลยเดาเอาว่าน่าจะมีมาไม่ถึง 10 ปี หรือถ้ามากกว่า 10 ปีก็น่าจะยังไม่ใช่ปัญหาที่รุนแรงเหมือนทุกวันนี้
ปัญหาหมอกควันนี้เป็นปัญหาที่เห็นผลกระทบที่มีต่อคุณภาพชีวิตคนในจังหวัดได้อย่างชัดเจนมาก ไม่กี่วันก่อนเรานัดเจอเพื่อนคนนึง ปกติเราสองคนจะเป็น outdoor girls คือชอบอยู่กับสายลม แสงแดด และธรรมชาติ แต่วันนั้นเพื่อนคนนี้สภาพร่างกายไม่อาจต้านทานสภาพอากาศได้ ด้วยความที่นางเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ยิ่งมามีปัญหาหมอกควันนี้ ผลกระทบเลยแสดงออกชัดทางร่างกาย เพื่อนสาวผื่นขึ้นเต็มตัว เห่อขึ้นมาเพราะสภาพอากาศ นางบอกว่าปัญหาหมอกควันมาทีไรเป็นแบบนี้ทุกที สุดท้ายเลยต้องหนีเข้าห้างไปตากแอร์ สักพักผื่นแพ้นางถึงได้ยุบตัวลง อีกเคสเป็นอาจารย์ที่มหาลัย คล้ายๆกับที่เพื่อนสาวเป็นเลยคือผื่นแพ้อากาศเห่อขึ้น สงสารอาจารย์มาก จำได้ว่าปีที่แล้วอาจารย์เป็นหนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล
ทีนี้เรามาดูกันว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากอะไร ที่เรารับรู้กันกว้างขวางคือเค้าว่ากันว่าเกิดจากชาวบ้านเผาป่าหาเห็ดหรือไม่ก็เผาขยะ แต่เป็นแบบนั้นจริงรึป่าว ลำพังการเผาของชาวบ้านมันสร้างปัญหาให้สาหัสได้ขนาดนี้จริงหรือ ?!?
เร็วนี้ได้ทราบข้อมูลมาว่าอันที่จริงแล้วปัญหาหมอกควันนี้เกิดจากการเผาเพื่อทำไร่ข้าวโพดในพื้นที่ป่าต้นน้ำหลายสิบล้านไร่เพื่อนำผลผลิตมาแปรรูปทำเป็นอาหารสัตว์ส่งออกขายต่างประเทศ นายทุนยักษ์ใหญ่ก็ได้กำไรกันไปแลกกับปัญหาหมอกควันที่อยู่กับชาวบ้านในพื้นที่ีไป งานนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆมันก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยเมื่อตรวจสอบพื้นที่ต้นน้ำที่ถูกรุกล้ำแต่ไม่มีใครกล่าวถึง
ขอบคุณรูปภาพจาก daily.bangkokbiznews.com/gallery/20130422
0 comments:
Post a Comment