ช่วงเช้าเราแพลนกันว่าจะเที่ยววัดใน china town นั่นแหละค่ะ ก่อนไปก็ต้องหาไรกินกันก่อน เดินไปที่ร้านดังของย่าน china town จากที่พักเลยค่ะ ไม่ไกลเลย ชื่อร้าน takpo เมนูเด่นๆที่เค้าขายก็มีโจ๊กกับติ่มซำค่ะ โจ๊กเฉยๆ แต่ติ่มซำที่สั่งมาอร่อยทุกอย่างเลยยย แนะนำให้จัดซาลาเปาไส้ไหลค่ะ ลาวาไข่แดงเยิ้มๆ ละลักเลยทีเดียวเชียว แนะนำให้ทานตอนร้อนๆนะคะ เพราะถ้าเย็นแล้วไส้ขะไม่ไหลค่ะ เสียรสชาติไปหน่อยนึง อีกตัวที่ไม่ควรพลาดคือพายหมูแดงค่ะ แป้งกรอบบบบ ไส้กลมกล่อม คือดีมากกกก ตั้งใจจะซื้อกลับบ้านด้วยแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป แงงงงง
หลังจากมื้อเช้าอิ่มหนำดีแล้วเราก็ไปกันที่วัด tooth relic buddha temple หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว อันนี้ก็เดินไปต่อเหมือนกันเพราะอยู่ใกล้ๆกันเลย วัดนี้ขาสั้นแขนกุดเข้าไม่ได้นะคะ แต่เค้ามีผ้าถุงให้ยืมฟรีค่ะ ไม่ต้องห่วง ส่วนวัดอื่นไม่รู้เหมือนกันค่ะ เราไปไหว้พระกันตามสเต็ปที่ชั้นล่าง ส่วนชั้น 4 เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระทนต์ของพระพุทธเจ้า เป็นที่มาของชื่อวัดนั่นแหละค่ะ พอไปไหว้ที่ชั้น 4 เสร็จก็เกือบจะกลับกันแล้วเชียว โชคดีที่เจอไกล์คนไทย เค้าบอกให้เดินขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้น 5 ค่ะ ชั้นนี้มรสวนแล้วก็กงล้ออธิษฐานตามความเชื่อของธิเบต ไปสิงคโปร์มา 2 ครั้ง ไปไหว้พระที่วัดนี้ทั้ง 2 ครั้งแต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีชั้น 5 เพราะลิฟต์มีถึงแค่ชั้น 4 เท่านั้น โชคดีมากที่เจอไกด์คนนี้ ขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ เดินขึ้นไปก็เจอสวนอย่างที่ไกด์บอก ร่มรื่นทีเดียวค่ะ ตรงกลางสวนเป็นอาคารที่ภายในมีกงล้ออธิษฐาน จะอธิฐานอะไรก็หมุนกงล้อวนไปค่ะ
รูปข้างบนคือชั้น 5 อันลึกลับของวันนี้ค่ะ ที่เห็นวางมืออยู่นั่นคือกงล้ออธิษฐานค่ะ
หลังจากจบทัวร์วัดเราก็ไปทัวร์ห้างต่อค่ะ ถนน orchard อันเลื่องชื่อของขาช้อป พอขึ้นจาก mrt มาก็เชื่อมต่อกับห้างเลย และเป็นแบบห้างเชื่อมห้างด้วย ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยทีเดียว หากจะมาช้อปที่สิงคโปร์ แบรนด์ที่พลาดไม่ได้จริงๆคือ charles and keith ค่ะ เพราะถูกกว่าที่ไทยมากๆ ส่วนตัวไม่ได้ซื้ออะไรแต่อีก 2 สาวจัดไปเบาๆกระเป๋ากับแว่นตาค่ะ เดินห้างอยู่ 2-3 ชั่วโมงก็ไปถ่ายรูปกันต่อที่ merlion ตัวน้อยที่ยืนพ่นน้ำเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ค่ะ ลง mrt สถานี raffles place แล้วต้องเดินต่ออีกพักนึงเลยทีเดียว ช่วงที่เราไปถึงประมาณบ่าย 4 โมง แดดร้อนมากกกก แต่ก็ถ่ายรูปออกมาสวยมากเช่นกันเพราะว่าแสงดี หลังจากแชะภาพเป็นที่ระลึกเสร็จก็เดินข้ามฝากโดยผ่านสะพาน helix ไปเพื่อไปดู super trees ที่ gardens by the bay เป็นการเดินที่ไกลมากกกก ร้อนมากกกก พอเข้าห้างเท่านั้นแหละ สวรรค์ ! ขอบคุณผู้ประดิษฐ์แอร์คอนดิชั่นมา ณ ที่นี้ค่ะ นั่งตากแอร์ทานข้าวเย็นกันสักพักก็รีบไปจับจองที่เพื่อดูการเล่นไฟของ super trees แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดงสักครึ่งชั่วโมงนะคะเพราะควรจะไปจองที่นอนใต้ต้น super trees ค่ะ เพราะถ้าไปช้าจะไม่มีที่ให้นอนดูค่ะ ต้องนอนกับพื้นเลย ที่นี่ทุกอย่างตรงเวลาค่ะ พอถึงเวลาปุ๊ปก็เริ่มแสดงปั๊ป
รูปข้างบนคือโฉมหน้าเพื่อนร่วมทริปค่ะ ขาดคนถ่ายไป 1 คน ที่นั่งอยู่คือใต้ต้น super trees นะคะ จองที่ก่อน ถ้าไปช้าจะได้นอนพื้นที่คนเดินๆกันอยู่ที่เห็นในรูปค่ะ ที่นั่งนี้กว้างทีเดียวค่ะ อย่างที่บอกว่านอนได้เลย
รูป super trees ใกล้เวลาแสดงค่ะ ตึกที่เห็นมุมซ่้ายคือโรงแรมมาริน่าเบย์รูปเรือใบที่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นไฟร่วมกับ super trees ด้วยค่ะ
รูป super trees แบบโคลสอัพค่ะ จะเริ่มเล่นไฟกันแล้ว สวยงามทีเดียวค่ะ ที่สำคัญคือทั้งหมดนี้ฟรีค่ะ ดูฟรี ใครมีโอกาสไปสิงคโปร์แนะนำว่าไม่ควรพลาดนะคะ ถือว่าเป็นของฟรีที่มีคุณภาพทีเดียว :)
ดู super trees จบก็ขอแก้มือจากเมื่อวานที่ไปดูน้ำพุแล้วไม่เห็นการแสดงอะไรเลย มีแต่น้ำกระเด็นใส่หน้า วันนี้เราเลยไปปักหลักกันที่อีกฝั่งของแม่น้ำโดยหวังว่าจะเห็นการแสดงแบบชัดเจน แต่สรุปคือ fail เหมือนเดิมค่ะ เพราะระยะมันไกลเกินไป เห็นไม่ค่อยชัด ฟังก็ไม่ค่อยถนัด สรุปคืองงว่าไอ้การแสดงน้ำพุตัวนี้มันต้องไปปักหลักดูตรงส่วนไหนกันแน่ -_-
เพื่อลดความ fail ต้องกินค่ะ กินๆๆๆ เราไปหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสะเต๊ะ จัดไปอย่าให้เสียค่ะ แต่เห็นราคาแล้วแอบสะดุ้ง ชุดสำหรับ 2 คน ราคา 39 SGD ประมาณ 900 บาทไทย มีกุ้งเผาและสะเต๊ะเนื้อกับสะเต๊ะไก่ค่ะ ก็อร่อยอยู่นะคะ รสชาติติดจะหวาน ชอบสะเต๊ะไทยมากกว่าค่ะ ถูกกว่าเยอะด้วยประเด็น 5555555
อิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับไปนอนค่ะ วันนี้อาการเมื่อยเริ่มสำแดงเดช ระบมกันถ้วยทั่วทุกตัวคนเลยทีเดียว พรุ่งนี้ยิ่งโหดค่ะ เพราะแพลนไป universal studio เดินทั้งวันแน่นอน
0 comments:
Post a Comment